1.หาข้อมูลก่อน
อันดับแรกก่อนที่เราจะเริ่มออกแบบโลโก้ หรือผลิตภัณฑ์ เราควรศึกษาหาข้อมูลจากคู่แข่ง โดยนำมาเปรียบเทียบกันหลายๆเจ้า ว่าแต่ละคนมี จุดเด่น-จุดด้อย ข้อดี-ข้อเสีย ตรงไหนบ้าง หรือศึกษาโลโก้ จากแบนรด์ดังๆ ที่ประสบความสำเร็จ ด้วยก็ได้ ยกตัวอย่างเช่น โลโก้ ของบริษัท apple
ภาพนี้คือ โลโก้แรกของบริษัท apple ในปี 1976 ซึ่งเป็นภาพของ เซอร์ไอแซก นิวตัน (Sir Isaac Niwton) ที่ค้นพบ แรงโน้มถ่วงของโลก จากการสังเกตุลูกแอปเปิ้ล ที่ตกลงมา โดยในปีต่อมาก็ได้เปลี่ยนมาใช้ รูปแอปเปิ้ลที่โดนกัด และใช้มาจนถึงในปัจจุบัน
จากตัวอย่างนี้ ทำให้เราเห็นได้ว่า โลโก้ ควรเป็นรูปร่างที่ เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน จดจำง่าย และไม่มีรายละเอียดมากจนเกินไป เพราะเมื่อถูกย่อให้มีขนาดเล็กแล้วจะทำให้เรามองแทบไม่ออกเลยว่านี้คือ ภาพคนกำลังนั่งอยู่ใต้ต้นแอปเปิ้ล
2.เลือกใช้สีให้เหมาะสม
จากภาพโลโก้ apple ในปี 1977 จะเห็นได้ว่ามีหลากสีสัน และถูกเปลี่ยนเป็นสีดำล้วน ในปี 1998 เพราะสีทุกสีนั้นมีความหมายในตัวเอง เช่น
สีแดง หมายถึง ความกล้าหาญ ความรัก เด็ก และแรงดึงดูด เราจึงมักเห็นป้ายลดราคาเป็นสีแดง
สีส้ม สื่อถึงความเป็นมิตร ความคิดสร้างสรรค์ คนรุ่นใหม่
สีเหลือง สื่อถึงความร่าเริงแจ่มใส อบอุ่น
สีเขียว สัญลักษณ์ของธรรมชาติ ความสงบ และยังสื่อถึงการมีสุขภาพที่ดี
สีน้ำเงิน สีแห่งความน่าเชื่อถือ ความเป็นมืออาชีพ ความแข็งแรง ถือเป็นสีที่นิยมมากที่สุดอีกด้วย
สีม่วง มีความน่าค้นหา มีพลังอำนาจ ลึกลับ ฉลาดหลักแหลม และยังสื่อถึงความหรูหรา มั่งคั่ง
สีชมพู แทนความอ่อนหวาน ความโรแมนติก ผู้หญิง ความอ่อนเยาว์
สีดำ สีแห่งความมีอำนาจ ความน่าเชื่อถือ มั่นคง และเป็นมืออาชีพ
สีขาว เป็นสีแห่งความสะอาด บริสุทธิ์ ความเรียบง่าย
แม้ว่าทุกสีจะมีความหมายที่ดี แต่เราก็ไม่ควรจะใช้สีที่มากจนเกินไป เพราะจะทำให้ขาดความเป็นเอกลักษณ์ได้
3.การเลือกฟ้อน (Font)
นอกจากสีแล้ว ตัวหนังสือก็สื่อถึงอารมณ์ และความหมายได้เหมือนกัน ดังนั้นการเลือกฟ้อนจึงสำคัญ ควรเลือกให้ดีที่สุด โดยเราสามารถ ดาวน์โหลด ฟ้อนฟรีๆ มาใช้ได้จาก fonts.google.com
4.มีสตอรี่ (Story)
การแฝงความหมาย ลงไปในโลโก้ จะทำให้โลโก้ของเรามีความเป็นเอกลักษณ์ และเป็นที่จดจำได้จากเรื่องราว ตัวอย่างเช่น โลโก้ของ Amazon
ตัวลูกศรสีส้ม เมื่อมองดูเผินๆ จะคล้ายกับ รอยยิ้ม ซึ่งสื่อความหมายได้ถึงความสุข แต่เมื่อมองดูในละเอียดขึ้นไปอีก จะเห็นได้ว่า ลูกศรสีส้ม นี้ เริ่มต้นจากตัว a และวิ่งไปถึงตัว z ซึ่งมีความหมายว่า amazon นั้นมีสินค้ามากมายหลายประเภท ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ ตั้งแต่ a – z เลยที่เดียว
5.อย่าก๊อปปี้ (Don’t copy)
เราสามารถศึกษาแนวทางจากแบรนด์ดังๆ ของคนอื่นได้ แต่สุดท้ายแล้ว เราไม่ควรก๊อปปี้ หรือเลียนแบบ เพราะจะทำให้แบรนด์ของเรา ขาดความน่าเชื่อถือ ลูกค้าไม่มั่นใจในคุณภาพสินค้า เพราะคิดว่าต้องเป็นสินค้าคุณภาพต่ำ ที่ไม่ได้มาตราฐาน
จบไปแล้วกับ 5 เทคนิค การออกแบบโลโก้ ให้โดดเด่นกว่าใคร โดนใจลูกค้า อย่างแน่นอน เป็นอย่างไรกันบ้างค่ะ กับสาระความรู้ ที่เรานำเสนอในวันนี้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ ให้กับทุกคนไม่มากก็น้อย นะคะ
โปรดติดตาม บทความดีๆ แถมสาระความรู้แบบนี้อีกได้ที่ www.kapookhom.com และ บน facebook.com/Kapookhom